ประสบการณ์ Work & Travel ที่ประเทศอเมริกา ตอน 3

ประสบการณ์ Work & Travel ที่ประเทศอเมริกา ตอน 3


ออกเดินทางสู่ อเมริกา

เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนขอวีซ่าแล้ว ฉันก็กลับไปเรียนหนังสือตามปกติ อยู่มาวันหนึ่ง พี่เจ้าหน้าที่ Agent B ก็โทรศัพท์มานัดเรื่องปฐมนิเทศก่อนเดินทาง  พอไปถึงที่ปฐมนิเทศ ก็เจอเพื่อนคนอื่น เยอะแยะเลยสนุกดี (กว่าจะรู้ว่าตัวเองผ่านสัมภาษณ์วีซ่าก็วันนี้แหละ :P )  จากนั้นก็เตรียมตัวบิน Work & Travel อย่างที่ตั้งใจไว้ และแล้วก็มาถึงวันออกเดินทาง พ่อแม่พี่ชายก็ขับรถมาส่งถึงสนามบิน ก็ลาพ่อแม่แล้วก่อนออกเดินทาง ไปกับคนอื่นๆ และ พี่ลีดเดอร์ 1 คน เดินทางไปกับ สายการบิน Korean Air สายการบินนี้ก็ดี แต่มามึนกับ แอร์โฮสเตส ตรงที่เขาหน้าตา (สวยมาก) เหมือนกันทุกคนเลย เดินทางราบลื่นดี จนถึงที่หมาย สนามบิน Atlanta ถึงจุดรับกระเป๋า มีปัญหานิดหน่อย มีคนหนึ่งกระเป๋ายังไม่มา พี่ลีดเดอร์ เลยให้พวกเราขึ้นรถบัสก่อน  จากนั้นก็เดินทางจากเมือง Atlanta ถึง Panama City ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงกว่าๆ พักค้างคืนที่ โรงแรม 1 คืน

วันรุ่งขึ้นก็มีรถมารับไปยังบ้านพัก พอไปถึง เจ้าหน้าที่มาชี้แจ้งรายละเอียดนิดหน่อย แล้วก็นัดเวลาจะพาเราไปที่โรงแรม ในวันต่อไป แล้วปล่อยให้เราพักผ่อนตามสบาย  โอ้ว! ทำไมที่นี้ถึงหนาวอย่างนี้ อุตส่าห์หนีมาทะเลแล้วนะ (ในใจฉันคิด) มานึกได้ตอนหลังว่า ช่วงนี้มันเป็นช่วง Spring Break ของอเมริกานี่นา ดังนั้นอากาศก็เย็นถึงขั้นหนาว  แต่ตอนกลางวันแดดจะจ้ามาก ถ้าไปยืนตากแดด จะเป็นลมแดดเอาได้ เรียกว่าเดี๋ยวหนาว เดี๋ยวร้อนในวันเดียว ส่วนใครคิดจะไปเล่นทะเลช่วงนี้น้ำก็เย็นเหมือนน้ำแข็งเลย แต่พอแดดออก น้ำทะเลก็เริ่มอุ่นหน่อย ทะเลที่นี้ไม่ค่อยสวยเท่าบ้านเรา เพราะหน้าชายหาดที่นี่สั้น เดินเลยไปหน่อยก็จมเอาง่าย เป็นแบบตัดลึกลงไปเลย เขาเลยเอาทรายจากที่อื่นมาถม มาเพิ่มพื้นที่ชายหาด  นอกจากอากาศที่หนาว แต่แดดร้อนแสบผิว แล้ว ความชื่นก็แตกต่างจากบ้านเรา เพราะอากาศที่นี่แห้งกว่า ไม่เหนียวเหนอะหนะ เหมือนบ้านเรา เรียกว่าต้องปรับตัวกันสักพักสำหรับคนไม่เคยมาที่นี่

Panama Beach Resort

เริ่มทำงานวันแรก โอ้โห!  Edge Water Beach Resort มีตั้ง 5 ตึก แถมข้ามถนนอีกฝั่งจะเป็นส่วนของ วิลล่า (มันกว้างเข้าไปอีก)  เอาล่ะเริ่มหน้าที่การเป็น แม่บ้านโรงแรม (ยายแจ๋วนั่นเอง) ด้วยการสวมชุดแม่บ้าน ตายล่ะเสื้อผ้าตัวใหญ่ ใส่แล้วหลวมมากทีเดียว แล้วก็จัดเตรียมอุปกรณ์ทำความสะอาดต่อ ไม่น่าก็ได้เวลา ออกปฏิบัติการแจ๋ว ก็ทำตามแม่บ้านรุ่นพี่ไปก่อน เหนื่อยอ่ะ ไม่เคยทำงานหนักอย่างนี้มาก่อนเลย ฉันไม่ใช่ลูกคุณหนูนะ อยู่บ้านก็ทำงานบ้านช่วยแม่ แต่คงเป็นเพราะทุกอย่างมันขนาดใหญ่ขึ้นหรือเปล่า? ก็ไม่แน่ใจ มันเลยทำให้เราต้องใช้แรงเยอะขึ้น แต่ผ่านไป สองสามวัน ก็เริ่มชิน ฉันก็ได้เป็นแม่บ้านโรงแรมเต็มตัวออกปฏิบัติงานเอง  แล้วต่อไปก็เริ่มมีลูกน้องเป็นชาวเม็กซิโก


* เป็นเพียงภาพประกอบบทความเท่านั้น

อยู่ไปเลยเรื่อย ๆ ที่นี่ก็แฮปปี้ดี สนุกสนานตามภาษาวัยรุ่น ได้เปิดโลกกว้าง มีเพื่อนร่วมงานเป็นชาวอเมริกา ฟิลิปปินส์ ชาวเม็กซิโก (ที่พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้เหมือนเรา :P )  และนักศึกษาชาวไทยที่แสนจะน่ารักอย่างพวกเรา (ขอชมตัวเองนิดนึง) ภายใต้ท้องฟ้าอันสดใส ทะเลสีฟ้าคราม ผู้คนมากมายทำกิจกรรมบนชายหาด สิ่งที่ฉันชอบมากที่สุด ไม่ใช่การทำความสะอาดแน่นอน แต่นั่นคือการได้ พูดและส่งยิ้ม ทักทายกับ คนแปลกหน้าที่เป็นลูกค้าในรีสอร์ต พวกเขาก็คุยกับเราน่ารักทุกคนเลย  ส่วนวันหยุดก็ไปทำงานเสริม เขาจะเรียกกันว่า  Second Job เป็นสาวโรงงานนั่ง Pack ของบ้าง ไปเป็นแม่บ้านอีกโรงแรมหนึ่งบ้าง ไปทำงานเป็นเด็กเสริ์ฟในงานเลี้ยงในโรงแรมอื่นบ้าง ทำงานเป็นเด็กเสริ์ฟก็ดีนะ เพราะได้รู้จักว่าการจัดงานเลี้ยงในสไตล์ตะวันตก เขาทำอย่างไงกันบ้าง และที่ชอบที่สุดคือ งานแต่งงาน โรแมนติกมาก อบอุ่นมาก (เห็นแล้ว เคลิ้มนึกไปถึงละครที่ สาวใช้แสนดี พบรักกับเจ้านายสุดหล่อผู้ร่ำรวย) เผลอแป๊ปเดียว งานเลี้ยงสมรมก็จบลง ทำให้ฉันกลับสู่ โหมดความเป็นจริง สาวน้อยตัวเล็กที่แสนธรรมดา

ยังไม่จบ อ่านต่อ ตอนที่ 4

แถมท้ายกับ เทศกาล Spring Break คืออะไร ?

สปริงเบรก (Spring break) เป็นสัปดาห์หยุดยาวจากการเรียนในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ ของมหาวิทยาลัยและโรงเรียนในสหรัฐอเมริกา  ช่วงสปริงเบรกของสถาบันการศึกษาต่าง ๆ อาจมีช่วงตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม ถึงปลายเดือนเมษายน แต่โรงเรียนหลายแห่งจะหยุดอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ของเดือนมีนาคม บางโรงเรียนจะเรียก “March break” หรือ “ช่วงหยุดเดือนมีนาคม” แต่ถ้าเริ่มหยุดตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคม จะเรียก “หยุดช่วงฤดูใบไม้ผลิ”หลายสถาบันในระดับ K-12 (เทียบเท่า ม. 6 ในประเทศไทย)

ด้วยเหตุที่นักเรียนมัธยมศึกษา (high school) เรียนจบนี่เอง ถือเป็นจุดเริ่มต้นชีวิตมหาวิทยาลัย เหล่าวัยรุ่นจึงมักรวมตัวกัน ไปปาร์ตี้ช่วง สปริงเบรก สถานที่ที่นักปาร์ตี้ไปในช่วงสปริงเบรก ก็คือ เดย์โทนาบีช ในฟลอริดา (เคยมีสถิติ นักเรียนมากกว่า 200,000 เดินทางเข้ามาในช่วงเวลาสูงสุดของสปริงเบรก)  และที่ ปานามาซิตีบีช ยังคงได้รับความนิยมในการเป็นจุดหมายปลายทางของสปริงเบรก เนื่องจากใกล้กับวิทยาลัยทางตอนใต้ และการขับรถที่ไม่ไกล คนท้องถิ่นในปานามาซิตีบีชก็ยังต้อนรับชาวสปริงเบรกทุก ๆ ปี และยังเป็นปัจจัยหลักของเศรษฐกิจของเมืองด้วย

อ้างอิง:
– ข้อมูลบางส่วนจาก  Wikipedia
– รูปประกอบนำมาจากอินเทอร์เน็ต

Leave a Reply

ติดต่อ 0-2943-8380
คลิกเพื่อโทร